หนึ่งในสิ่งที่เป็นกระแสฮิตที่ทุกคนคงเคยได้ยิน หรือ เคยได้ลงทุนกันจริงๆ กันไปแล้วกับ Bitcoin ซึ่งถือเป็นสกุลเงินรูปแบบดิจิตอลที่มีความนิยมใช้กันแพร่หลายกันทั่วโลกในปัจจุบัน วันนี้แอดมินจะขอนำเสนอเรื่องราวของ สกุลเงินอนไลน์นี้ให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้นว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร รวมไปถึงมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ 🙂
History
ถ้าเราจะรู้จักอะไรแบบจริงๆ สักเรื่องนึงก็ควรเริ่มจากประวัติความเป็นมา งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าสกุลเงินนี้นั้นมีจุดเริ่มต้นอย่างไร คำว่า Bitcoin (บิทคอยน์) นั้นเกิดจากการรวมคำของคำว่า Bit (หน่วยที่เล็กที่สุดของระบบคอมพิวเตอร์) กับคำว่า Coin (เหรียญ) เข้าไว้ด้วยกัน แต่ความหมายอาจจะไม่ตรงตัวขนาดนั้นนะ โดยบิทคอยน์ คือ สกุลเงินดิจิตอลรูปแบบบนึง เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ต่างๆ โดย บิทคอยน์ นั้นไม่ขึ้นกับสกุลเงินใด ๆ ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือน ธนบัตร หรือ เหรียญ ที่ใช้กันอยู่ทั่วๆไป ครับ
แนวคิดเกี่ยวกับ บิทคอยน์ เกิดขึิ้นในช่วงปีค.ศ. 2008 ในช่วงที่สหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤตเกี่ยวกับค่าเงิน USD (ดอลลาห์สหรัฐ) ตกต่ำเป็นอย่างมาก (Hamburger Crisis) ในตอนนั้นอเมริกาเลือกวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ล้ำสุดๆ ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบมากถึง 3,800 ล้านเหรียญดอลลาห์ โดยไม่ต้องใช้ทองมาประกันมูลค่า เพื่อที่จะทำให้จำนวนเงินที่เพิ่มเข้าไปในระบบจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ และทำให้ประชาชนมีเงินใช้จ่าย หรือ ใช้หนี้กันได้แบบปกติครับ (แบบนี้ก็ได้หรอ 555) โดยอเมริกาเชื่อว่าเงิน USD ยังไงทั่วโลกก็มองว่ามีมูลค่า พออเมริกาเลือกที่จะทำแบบนี้ทำให้หลายๆ ประเทศในยุโรปที่มีปัญหาภาระหนี้หลายๆ ประเทศก็จะทำตามแบบอเมริกาบ้างครับ จากการกระทำของรัฐบาลในหลายๆ ประเทศเหล่านี้รวมไปถึงอเมริกา ทำให้มีประชาชนจากหลากหลายภาคส่วนจากหลายประเทศมีแนวคิดที่ว่าเราจะเชื่อถือรัฐบาลที่ใช้วิธีนี้แก้ปัญหาทางการเงินของประเทศได้อย่างไร เงินที่ผลิตเพิ่มเข้าระบบด้วยวิธีนี้มันจะไปมีมูลค่าได้อย่างไร หลังจากนั้นทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับระบบเงินที่ไม่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล หรือ ธนาคารกลาง เกิดขึ้นก็คือ สกุลเงินแบบดิจิตอล ครับ
ในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2008 มีนักโปรแกรมเมอร์ที่ใช้ชื่อว่า Satoshi Nakamoto (ซาโตชิ นากาโมโตะ) ได้สร้างเว็บที่ชื่อว่า Bitcoin.org โดยเว็บนี้นั้นในช่วงแรกใช้ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกันของนักพัฒนา โดยที่ไม่มีการเปิดเผยตัวตนของกันและกัน และ วันที่ 31 ตุลาคมปีเดียวกัน ได้ตีพิมพ์ white paper (เอกสารที่นำเสนอการทำงานรวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิตอล) ที่มีชื่อว่า Bitcoin : A Peer-to-Peer Electronic Cash System ออกมา ด้วยระบบที่ไม่เปิดเผยตัวตน ทำให้ทุกวันนี้เรายังไม่ทราบว่า ซาโตชิ นั้นเป็นชาวญี่ปุ่นหรือไม่ เป็นคนเดียวหรือเป็นกลุ่มคน หรือเป็นชายหรือเป็นหญิงกันแน่ ถือว่าเป็นปริศนาที่ยังรอการพิสูจน์กับบุคคลที่ถือว่าเป็นบิดาแห่งบิทคอยน์ครับ
หลังจากที่ใช้เวลาพัฒนาระบบอยู่พักนึง ซาโตชิ ก็ได้เปิดตัวรูปแบบซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ของบิทคอยน์ ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 และ ในวันที่ 3 มกราคม ก็เป็นวันแรกของโลกที่ บล็อกแรกของบิทคอยน์ ถูกขุดขึ้นมาครับ โดยบล๊อกนี้มีชื่อว่า Genesis Block (บล๊อกต้นกำเนิด) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของวงการธุรกิจโลกรวมไปถึงวงการ Cryptocurrency (สกุลเงินดิจิตอล) เลยครับ
การซื้อขายบิทคอยน์ครั้งแรกเกิดขึ้นโดย โปรแกรมเมอร์ที่ชื่อว่า Hal Finney (ฮาล ฟินนีย์) ได้รับการโอน 10 BTC (ตัวย่อสกุลเงินบิทคอยน์) จาก ซาโตชิ หลังจากที่ ฟินนีย์ ได้ดาวน์โหลดระบบซอฟแวร์ของบิทคอยน์ การโอนบิทคอยน์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการซื้อขายบิทคอยน์ครั้งแรกของโลกเลยครับ
อีกหนึ่งเรื่องน่ารู้คือในช่วงแรกๆ ของยุค บิทคอยน์ นั้นได้มีการใช้ 10,000 BTC ในการซื้อพิซซ่าสองถาดจากร้าน Papa John’s ซึ่งในปัจจุบันนั้น 10,000 BTC มีมูลค่ามากถึง 3,450,585,045.40 บาท !!! ตอนนี้ บิทคอยน์ จำนวนนั้นคงซื้อพิซซ่าแจกคนทั้งจังหวัดให้ได้กินทั่วถึงกันได้แล้วหละครับ
หลังจากเป็นหัวเรือใหญ่ของ บิทคอยน์ อยู่ประมาณสองปี ซาโตชิ ก็ได้โอนมอบตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนักพัฒนา พร้อมกับ key ของเครือข่าย และ Bitcoin Core code (ระบบควบคุมที่เก็บโค้ดหลักของบิทคอยน์) ให้กับ Gavin Andresen (เกวิน แอนเดอร์เซน) หลังจากนั้น ซาโตชิ ได้ยุติบทบาททั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ บิทคอยน์ ในเดือนธันวาคม ปี 2010 ครับ และเพื่อเป็นเกียรติแก่ ซาโตชิ ชื่อของเขาถูกนำมาใช้เป็นหน่วยย่อยที่สุดของ Bitcoin มีค่า 0.00000001 BTC ที่เรียกว่า Satoshi ครับ
ศัพท์พื้นฐานน่ารู้
หลังจากได้รู้ประวัติความเป็นมาของ บิทคอยน์ กันแล้ว เรื่องต่อมาที่แอดอยากให้ทุกคนได้รู้คือ ศัพท์ต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องหรือใช้เกี่ยวกับ บิทคอยน์ กันครับ
- BPI = ย่อมาจาก Bitcoin Price Index เป็นตารางแสดงราคาเฉลี่ยของ Bitcoin จากตลาดทั่วโลก
- BTC = ตัวย่อสกุลเงิน บิทคอยน์ เหมือนสกุลเงินในโลกจริงที่ย่อเป็น THB คือเงินบาทไทย หรือใช้สัญลักษณ์แบบนี้ ₿ แทนได้เหมือนกัน
- Blockchain = รายการบัญชีแบบสาธารณะที่บันทึกการซื้อขายบิทคอยน์ เป็นการเก็บข้อมูลที่เรียงต่อกันเป็น Block ซึ่งแต่ละ Block จะมีข้อมูลเชื่อมถึงกันทำให้กลับไปแก้ไข Block ก่อนๆไม่ได้ หรือ ใช้ซ้ำไม่ได้ด้วย เหมือนเป็นระบบส่วนกลางที่ควบคุมการซื้อขาย
- Cryptocurrency = สกุลเงินดิจิตอล ที่มีการเข้ารหัสทางคณิตศาสตร์ ต้องแก้รหัสเพื่อให้ได้สกุลเงินนั้นๆ ออกมา
- Cryptography = การเข้ารหัสทางคณิตศาสตร์รูปแบบหนึ่งเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ข้อมูลสกุลเงินดิจิตอล
- Decentralized = ระบบแบบไม่มีตัวกลาง ซึ่งเป็นจุดเด่นของเทคโนโลยี blockchain ทำให้ข้อมูลต่างๆตรวจสอบได้ มีข้อดีข้อเสียต่างจากระบบแบบ centralized
- Genesis Block = Block แรกของบิทคอยน์ ที่ถูกขุดขึ้นมาบล๊อกแรกของโลก จำนวน 50 BTC
- Exchange = ตลาดแลกเปลี่ยนเงินดิจิตอล ส่วนใหญ่จะเป็นการแลกเปลี่ยนผ่านเว็บไซต์
- Hash = การเข้ารหัสซึ่งเป็นรูปแบบที่ถูกใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ ของเงินดิจิตอล
- Hash Rate = อัตราส่วนในการแก้โจทย์ที่ใช้ในการขุด หรือ การยืนยันธุรกรรมต่างๆ ของเงินดิจิตอล
- Hashes/Sec = พลังงานที่ใช้ในการเข้ารหัส หรือ ไขรหัสต่อวินาที
- Mining = การขุดหรือการบริการบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมในระบบของ Blockchain และ เหมือนเป็นการขุดทองออกมาจากเหมือง ทำให้เกิดเหรียญใหม่ๆ ขึ้นในตลาดเงินดิจิตอลอีกด้วย
- P2P = Peer-to-Peer ระบบการเงินแบบไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนของระบบเงินดิจิตอล
- Privatekey = เป็นรหัสผ่านเข้าใช้บัญชี บิทคอยน์ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ต้องรักษา
- Publickey = บัญชีธนาคารที่เป็นที่อยู่ในการรับส่งเงินต้องใช้คู่กับ Private key ในการยืนยันสิทธิในการเป็นเจ้าของบัญชี
- Transaction Block = เป็นเสมือนกล่องที่เก็บธุรกรรมจำนวนนึงของเงินดิจิตอลซึ่งจะมีขนาด และ เวลาที่ถูกยืนยันต่างกันไปในระบบเงินดิจิตอลแต่ละชนิด
- Transaction Fee = ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ที่ต้องจ่ายในการทำธุรกรรมของ บิทคอยน์ โดยเรายิ่งจ่ายมากจะทำให้ธุรกรรมของเราได้รับการยืนยันเร็วขึ้น เพราะพวกนักขุดจะยืนยันธุรกรรมที่มีค่าธรรมเนียมสูงก่อนเสมอ
มูลค่าของบิทคอยน์
พูดถึงกันมายาวขนาดนี้แล้ว อยากรู้กันมั้ยหละครับ ว่ามูลค่าของบิทคอยน์นั้นมาจากไหน แล้วมันน่าลงทุนรึเปล่า เราต้องรู้กันก่อนนะว่าเจ้า บิทคอยน์ เนี่ยเกิดมาจากการขุด (Mining) โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการแก้สมการที่ถูกตั้งไว้โดยบล๊อกเชน (แต่ละสกุลเงินจะมีสมการแตกต่างกันไป) โดยเราต้องใช้ algorithm (อัลกอริทึม) ในการแก้สมการที่มีความยากง่ายแตกต่างกันไป ดูเหมือนทำกันได้ง่ายๆ นะครับ แต่ความเป็นจริงคือทำได้ยากมากและ มีการแข่งขันกันระหว่างนักขุดด้วย ผู้ที่ขุดได้เท่านั้นถึงจะได้รางวัลเป็นเหรียญสกุลเงินนั้นๆ ที่ขุด พอเห็นแบบนี้ หลายๆ คนคงคิดว่างั้นทำไมเราไม่ขุดกันเองหละ ดูทำง่ายขนาดนี้ ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีสเปคของเครื่องสูงมากๆๆๆ ซึ่งต้องใช้เงินทุนอย่างสูงในการซื้อมา แล้วก็ไม่รับประกันว่าเราซื้อมาแล้วจะสามารถขุดสู้กับ นักขุด คนอื่นๆ ได้รึเปล่าครับ ทำให้ไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเท่าไหร่เลย
หลังจากพูดถึงการเกิดของบิทคอยน์ แล้วเราก็มาถึงส่วนที่ว่า มูลค่าของมันมาจากไหนกันครับ พูดกันแบบง่ายสุดๆ คือมูลค่าของ บิทคอยน์ มาจากความต้องการของคนเรานั่นเอง งงกันมั้ยหละครับ ถ้างงแอดจะอธิบายขยายความให้ คือในยุคที่มีการขุดขึ้นมาแรกๆ นั้นไม่รู้กันว่ามันเอาไปทำอะไรได้บ้าง มูลค่าในยุคแรกๆ จึงต่ำมาก แต่ต่อมาเมื่อบิทคอยน์ สามารถใช้จ่ายค่าสินค้าต่างๆ ในการซื้อของได้ ใช้เป็นตัวกลางในการโอนเงินระหว่างประเทศได้โดยที่ไม่ต้องผ่านธนาคาร หรือใช้เรทแบบธนาคาร เริ่มมีการซื้อขายเก็งกำไรกันเกิดขึ้น ทำให้ตัวของ บิทคอยน์ นั้นเริ่มเป็นสิ่งที่เป็น store of value (มีมูลค่าในตัวเอง) แบบที่ทองคำ หรือ เงินที่เราใช้กันเป็นครับ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ บิทคอยน์ นั้นมีจำนวนที่จำกัดนะครับ อยู่ที่ 21ล้าน BTC ไม่สามารถขุดเพิ่มขึ้นได้อีก หายงงกันแล้วใช่มั้ยหละครับ 555 นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ตัวของ บิทคอยน์ มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีคนต้องการซื้อ ต้องการขุดมากขึ้น ราคาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามความต้องการของคนเราครับ
ความน่าลงทุน
มาถึงส่วนนี้ที่เป็นส่วนสุดท้ายของเรื่อง บิทคอยน์ ที่แอดจะพูดถึงแล้วนะครับ กับความน่าลงทุนของ บิทคอยน์ หรือสกุลเงินดิจิตอล อื่นๆ ว่าตอนนี้มีความน่าลงทุนขนาดไหน ขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ ว่านี่เป็นความเห็นของแอดที่ได้ทำการคิดวิเคราะห์ด้วยความคิดของตัวเอง ใครที่มีความคิดเห็นต่างออกไปก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ และ ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงในตัวของมันเองอยู่แล้วครับ ทุกวันนี้สกุลเงินดืจิตอล นั้นได้รับการยอมรับจากนานาประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่ว่าธนาคารกลางหลายแห่งในยุโรป และ เอเชีย เริ่มพิจารณาถึงการใช้ระบบเงินดิจิตอลเหล่านี้แล้วด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่ล่อตาล่อใจนักลงทุนมากๆ เลยก็คือมูลค่าของ บิทคอยน์ ทีมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคา 1 บิทคอยน์ ตอนนี้ มีค่าประมาณ 288,798 บาท (21 มี.ค. 2018) ทุกคนอ่านกันไม่ผิดหรอกครับ เกือบสามแสนบาท สูงมากเลยจริงๆ แต่การลองทุนในบิทคอยน์ และ เงินดิจิตอลอื่นๆ ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน และ มีสติวิเคราะห์ให้ดีในทุกการซื้อขายนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจากแอด อิอิ
เป็นไงกันบ้างหละครับกับข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับ บิทคอยน์ ที่แอดได้รวบรวมมาให้อ่านกัน หวังว่าจะให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจในเรื่องนี้ หรืออยากรู้จัก บิทคอยน์ กันมากขึ้นนะครับ ใครที่สนใจอยากลงทุนก็อย่ารอช้า แต่อย่าลืมศึกษาให้ดีก่อนลงทุนนะ จริงๆ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับเงินดิจิตอล หรือ cryptocurrency อีกหลายเรื่องเลย แอดจะเอามาฝากทุกคนในโอกาสต่อๆ ไปนะครับผม ติดตามข่าวกันได้ที่ www.facebook.com/gadgeteerth 😀