ถ้าวันนี้แอดเป็นผู้วิเศษ สามารถให้พรอะไรก็ได้ 1 อย่าง วันนี้เพื่อนๆ จะขออะไร ระหว่าง
- ขอให้ถูกรางวัล
- ขอให้มีแฟนหล่อๆ (เหมือนแอด ล้อเล่นนะตัวเอง5555)
- หรือ ขอให้ตัวเองผอมลง
เชื่อว่าหลายคนที่ตั้งใจเข้ามาอ่านบทความนี้ ส่วนใหญ่มักเลือกข้อ 3 กันจริงมั้ย? (เพราะถูกหวยยังง่ายกว่าเยอะ!!) แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้น
แต่เพื่อนๆ ยังไม่ต้องเสียใจไป เพราะวันนี้แอดได้รวบรวม “แอปลดน้ำหนัก ” สุดยอดตัวช่วยฟรีๆ ที่จะทำให้การมีหุ่นที่ดี ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
(ฮั่นแน่….อยากรู้แล้วละสิว่ามีอะไรบ้าง)
ลดทั้งที คงไม่อยากกลับมาอ้วนอีก
แน่นอนว่าเพื่อนๆ ที่ตั้งใจลดน้ำหนัก คงไม่อยากลดแล้วกลับมาอ้วนใหม่ มีผิวย้วยไม่กระชับ หรือสุขภาพแย่ลง ดังนั้นแอดจึงอยากทำความเข้าใจกับเพื่อนๆ ก่อนว่า แอปพลิเคชั่นที่แอดกำลังจะเสนอเป็นแค่ป้ายบอกทางเท่านั้น ทุกวิธีถ้าทำในปริมาณที่เหมาะสมและมีความรู้ ในไม่ช้า 1-2 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล ดังนั้นอย่าหักโหม ให้ค่อยเป็นค่อยไปดีที่สุด
ถ้าเพื่่อนๆ พร้อมแล้วเราไปลุยกันเลย
จัดการเรื่องการกินกับ “จด calorie”

แอปนี้เหมาะกับเพื่อนๆ ทั้งมือใหม่และเก่าที่ต้องการควบคุมพลังงาน เนื่องจากมีการใช้งานที่ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับกราฟที่ช่วยให้เพื่อนๆ สามารถวัดผลความก้าวหน้าได้ทุก 1 วัน 5 วัน และ 1 เดือน ส่งผลให้การลดน้ำหนักเป็นเรื่องง่ายและมีทิศทาง (แถมยังเปิดให้ใช้งาน ฟรี!!)
1.ขั้นแรกให้เพื่อนเข้ามาที่หน้าเผาผลาญ คำนวนพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน เพื่อกำหนดตารางการกิน(กรอกตามความเป็นจริงนะจ๊ะ อย่าเนียน)

2.เมื่อรู้แล้วว่าในแต่ละวัน ตัวเองใช้พลังงานได้เท่าไร ต่อมาก็นำมาวางเป็นตารางอาหารเพื่อลดน้ำหนักได้เลย (อย่ากินเยอะเกินที่เผาผลาญนะ เดี๋ยวน้ำหนักจะเพิ่ม)

***ทุกๆ 7000 kcal = 1 กิโลกรัม /
ถ้าเพิ่อนๆ กินเกินวันละ 500 แคล ภายใน 2 อาทิตย์น้ำหนักจะ เพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม
ถ้ากินน้อยกว่าที่เผาผลาญวันละ 500 แคล ภายใน 2 อาทิตย์น้ำหนักจะลง 1 กิโลกรัม
ห้ามกินต่ำกว่า 800 kcal เป็นอันขาด
อย่างไรก็ดี แม้ว่า “จด calorie” จะสามารถช่วยให้เพื่อนๆ ควบคุมปริมาณพลังงานในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แอดก็ยังแอบคิดว่า น่าจะยังมีเพื่อนๆ บางกลุ่ม ที่ไม่อยากควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว อยากออกกำลังกายด้วยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกวิธีไหน ที่ช่วยเบิร์นหมูกะทะที่เพิ่งเผลอกินเข้าไปเมื่อเย็นได้เร็วที่สุด (เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่เสพติดความเหนื่อย เข้ายิมนิดๆหน่อยๆไปวิ่ง ยกน้ำหนัก แล้วก็ถ่ายรูป 555)
ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเขียนทั้งทีก็ต้องไปให้สุด เอาใจคนที่ชอบทำ Activity ด้วยเช่นกัน โดยแอดจะขอแนะนำให้รู้จักกับ “exercise Cals” ที่บอกได้ว่า กิจกรรมที่เพื่อนๆ กำลัง(หรือวางแผนจะไป)ทำ สามารถเผาผลาญได้กี่แคลฯ (เพิ่มเติมจากค่า BMI BMR) ซึ่งจะช่วยให้เพื่อนๆ เลือก Activity ที่ดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและพลังงานไปอย่างฟรีๆ!!
ใช้พลังงานไม่เสียเปล่าด้วย “Exercise Cals”

เป็นอีกหนึ่งแอปฯ ฟรีที่ปล่อยออกนาน แต่กระแสตอบรับค่อนข้างดี (ดูได้จาก Ratings ที่ ค่อนข้างมาก) แม้ดีไซน์จะดูบ้านๆ ไปหน่อย แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้ลอง รับรองเลยว่าจะติดใจ ด้วยฟังค์ชั่นที่ใช้งานง่าย สบายตาและไม่ซับซ้อน
***ที่สำคัญคือมี activity ให้เลือกกว่า 800 รายการ

- ขั้นแรกให้เพื่อนเปิดตัวแอปฯ ขึ้นมาแล้วแตะไปที่ Exercise Calories Burned
- ต่อมาใส่เลือก Kg แล้วใส่น้ำหนักตัวปัจจุบัน (ไม่เอาอดีตชาตินะครับเพราะมันจะส่งผลต่อตัวเลขการเผาผลาญ)
- จากนั้นกำหนดเวลาโดยประมาณ ที่เพื่อนๆ สามารถแบ่งเวลาไปกับกิจกรรมนั้นๆ เสร็จแล้วก็กด calculate ได้เลย!!

- เท่านี้แอปฯ ก็จะแสดงผลลัพธ์ออกมาว่า กิจกกรมที่เพื่อนๆ ทำหรือกำลังวางแผนจะไป ใช้พลังงานทั้งหมดเท่าไร ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายเมนูมากๆ ตั้งแต่การทำงานบ้านไปจนถึงการออกกำลังกาย (เพิ่มกำลังใจให้พ่อบ้านใจกล้าอย่างแอด อยากรีบกลับไปขัดห้องน้ำเลย)
แต่นิดนึงสำหรับแอปฯ นี้ จะมีข้อจำกัดเรื่องภาษาสำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ถนัดอังกฤษ อาจต้องใช้เวลาสัก 1-2 ในการเรียนรู้ แต่พอเป็นแล้ว แอดเชื่อว่าจะคล่องปร๋อเลย
สำหรับใคร ที่ยังไม่จุใจกับแอปฯ Exercise Cals ที่แนะนำไปในตอนต้น หรือไม่ได้แค่อยากลดน้ำหนัก แต่อยากได้วิธีการสร้างกล้ามเนื้อแบบเป็นชิ้นเป็นอัน ให้หุ่นเพรียว มีซิกแพค ก็จัดไปกับ “30 Day Fitness Challenge” โปรแกรมการออกกำลังกาย ที่เพื่อนๆ สามารถทำที่บ้าน มีให้เลือกหลากหลายทั้งชายและหญิง ตั้งแต่ลดน้ำหนัก กระชับหน้าท้อง สร้างก้น ฯลฯ (ฟรีเฉพาะบางฟีเจอร์เท่านั้น)
30 Day Fitness Challenge
สำหรับ 30 Day Fitness Challenge หน้าตาของตัวแอปฯ จะถูกออกแบบให้ทันสมัยเอาใจคนยุค 4.0

พอกดเข้าไป ทางแอปฯจะให้เราใส่ข้อมูลพื้นฐาน ทั้งเพศไหน น้ำหนัก และต้องการ เพื่อออกแบบโปรแกรมให้สอดคล้องกับเพื่อน

เมื่อเพื่อนๆ ระบุเสร็จเรียบร้อย ก็เลือกได้เลยว่าอยากเน้นส่วนไหนเป็นพิเศษ (อันนี้แอดยอมลงทุนเป็นผู้หญิงเลยนะฮะ เพื่อสาวๆโดยเฉพาะ)

เสร็จตัวแอปฯ ก็จะจัดตารางมาให้เราว่าในแต่ละวันเราควรทำอะไรบ้าง มีตั้งแต่ขั้นเบสิคไปจนถึงแอดวานซ์ แนะนำว่าให้ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า อย่ารีบร้อนข้ามขั้นตอน ประเดี๋ยวเป็นอะไรมา แอดไม่รับผิดชอบด้วยเด้ออออ
จบกันไปแล้วนะฮะกับสาม แอปลดน้ำหนัก ที่จะทำให้การลดน้ำหนักด้วยตนเองเป็นเรื่องง่ายๆ เคล็ดลับไม่มีอะไรมาก แค่รู้ว่าเรากินและเผาผลาญได้เท่าไร แอดเชื่อว่าอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เพื่อนๆ จะมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแน่นอน!!!
สำหรับวันนี้แอดก็ขอตัวลาไปก่อน ถ้าใครมีอะไรสงสัย อยากแลกเปลี่ยนความรู้ หรือเจอแอปฯ อะไรดีๆ อยากให้แอดกลับมารีวิว ก็สามารถพูดคุยกันได้ที่ใต้คอมเมนต์นี้เลย รับรองว่าไม่ปล่อยให้เพื่อนๆ เหงาอยู่คนเดียวแน่