สวัสดีครับ พอดีเมื่อปีก่อน Notebook คู่ใจของแอดสิ้นชีพลง แอดเลยต้องทำการบ้านว่า จะซื้อ Notebook ใหม่ยี่ห้อไหนดี หรือจะลองเปลี่ยนไปใช้ Macbook ดีมั้ย ทั้งๆที่เคยใช้แต่ Windows มาตลอดชีวิต เพราะเห็นหลายๆคนเชียร์ให้ใช้แมคโดยเฉพาะงาน Designer หรือ Programmer
คิดว่ามีหลายๆคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อคอมใหม่ เอาเป็น Windows หรือ MacOS ดี แอดเลยอยากขอแชร์สาเหตุที่ตัดสินใจเลือกใช้แมค และรีวิวประสบการณ์ใช้งานนะครับ

บทความนี้เป็นรีวิวจากผู้ใช้งานด้าน Blogger, Video, Pics, Facebook ads นะครับ
เริ่มจากความคุ้มก่อนเลย หลายๆครั้ง เรามักพบว่า คอมพ์ Windows มีราคาถูกกว่า Mac มากๆ
เมื่อเทียบสเปคกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไป
แต่มันมักไม่ได้มาพร้อมแอป หรือโปรแกรมที่เราใช้ได้ทันที ซึ่งเรามักลืมคิดต้นทุนส่วนนี้ เพื่อความรอบคอบการซื้อคอมพ์จึงควรคิดถึงเรื่องค่าซอฟแวร์ด้วยนะครับ
ค่า Hardware Windows ถูกกว่า Mac มากๆอยู่แล้ว แล้วค่า Software ล่ะ เป็นยังไงบ้าง?
โดยเฉพาะในยุคนี้การใช้ Software ถูกลิขสิทธิ์มีความสำคัญมากขึ้น ไม่ใช่แค่สนับสนุนผู้พัฒนาแอป แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยด้วย เพราะใครๆก็รู้ว่าโปรแกรมปลอม มักมาพร้อมไวรัส ที่พร้อมจะโกยข้อมูลบัตรเครดิต, การเข้าใช้งานเว็บไซต์, รหัสผ่านต่างๆ รวมไปถึง การปล้นไฟล์เป็นตัวประกัน เราคงไม่อยากเห็นรูปภาพ ความทรงจำดีๆ หายไปหรือกัดฟันยอมจ่ายค่าไถ่ใช่มั้ยล่ะครับ

สำหรับแอดที่ใช้งานทำ Marketing ด้านเพจ, เว็บไซต์, ขายของ Online ไม่ได้เน้น excel, powerpoint มากนัก โปรแกรมที่สำคัญคือโปรแกรม ตัดต่อวีดีโอ, ทำรูป และการทำงานนอกสถานที่ต่างๆ Macbook ได้ตอบโจทย์ดีพอสมควรเลยทีเดียว
มีหลายด้านจะแบ่งเป็นเรื่องๆ
1.ด้าน Hardware
อุปกรณ์ที่ใช้ Windows มีผู้ผลิตหลายเจ้าแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็น Dell, Asus, HP, Lenovo และอื่นๆ Windows devices จึงมีราคา Hardware ค่อนข้างถูกกว่า Mac จาก Apple มาก
ด้านนี้ Windows ค่อนข้างจะชนะขาดลอย
2. ด้าน OS
ในขณะที่ Windows บางเครื่องก็มีวินโดว์แท้มาเลย บางเครื่องต้องซื้อแยกเพิ่ม ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,290 บาท แมคมาพร้อม MacOS ทำให้ประหยัดเงินตรงนี้ไปได้เยอะทีเดียว
3. โปรแกรมด้าน วีดีโอ
งานวีดีโอของ Windows มีโปรแกรมที่นิยมเดียวคือ Adobe premiere pro ซึ่งหากคุณมี Adobe Creative Cloud อยู่แล้วก็ดี (ใช้แอป Adobe ได้ทุกแอพ เดือนละประมาณ 1,888บาท) ก็ดีไป
หากเช่า Adobe Premiere Pro อย่างเดียว จะมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 748 บาท

ซึ่งที่ว่ามา MacOS ก็สามารถเช่า Adobe ได้ในราคาเดียวกันนั่นแหละ
แต่ผู้ใช้ MacOS มีแอปอื่นที่คนนิยมใช้เหมือนกัน นั่นก็คือ Final Cut Pro X (FCPX)

(ข้อมูล All devices, USA 2015-2020)
ซึ่งแอป Final Cut Pro นี้มีราคาสูงใช้ได้ที่ 8,900 บาท แต่มันเจ๋งตรงที่ จ่ายครั้งเดียว แถมเรายังสามารถตั้ง Family sharing แบ่งกันใช้กับเพื่อนๆ ได้สูงสุด 6 คนอีกด้วย

ถ้าใช้2ปี adobe Premiere Pro 748 x 24 = 17,952 บาท/คน
หรือถ้า Creative Cloud all apps 1,888 x 24 = 45,312 บาท/คน เลยทีเดียว
แต่ Final Cut Pro X ราคาเพียง 8,900 บาท
หาร 6 คน จะเหลือเพียงคนละ 1,480บาทเท่านั้น เป็นราคาแบบซื้อขาดจ่ายครั้งเดียว
เรียกได้ว่า ถ้าทำวีดีโอด้วย Final Cut Pro X ใช้ Mac จบชนะเลิศด้านต้นทุนไปเลย
4.โปรแกรม ทำรูป – design
ถ้าเพื่อนๆ ใช้ Adobe Creative Cloud ย่อมได้ Photoshop, Illustrator ด้วยอยู่แล้ว
แต่ถ้า ไม่มี Creative Cloud และไม่อยากจ่ายเงินเช่าแอปเป็นราคาต่อหัวสูงมากๆ เราจะทำยังไง
โชคยังดีที่เรามีตัวเลือก ถ้า Adobe เป็นพระเอก
Affinity ก็เป็นพระรองที่มีความสามารถไม่น้อยหน้าแอป Affinity Photo, Affinity Designer ซึ่งเป็นที่นิยม Apple Design Award Winner ด้วยนะ
สองแอปนี้สามารถใช้ทดแทน Adobe ได้ดี รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง Windows และ MacOS โดยโปรแกรมเป็นแบบซื้อขาด ราคาประมาณ 1,500 บาท ต่อแอป/เครื่อง
ถ้าเราใช้ MacOS เราจะสามารถแชร์ให้ Family ได้สูงสุด 6 ครั้ง ตก 250 บาท/คน โคตรรรรรรคุ้ม! ถูกมากๆ

ปล. Affinity Photo และ Designer เป็น
5. แอปอื่นๆ สำหรับงานเอกสาร Doc Spreadsheet
เรามักคุ้นเคย Powerpoint, Word, Excel กันมานาน ซึ่งมา License หลายแบบ
– Office Home & Student 2019 (ซื้อครั้งเดียว) 3,120 บาท
– Microsoft 365 Personal (ราคาต่อปี) 1,690 บาท
– Microsoft 365 Family 2019 (ราคาต่อ 5 คน/ปี) 2,090 บาท
แต่สำหรับผู้ใช้ Mac Apple ได้ทำแอปที่ใช้ทดแทนได้คือ Keynote , Numbers, Pages ซึ่งทำงานได้ดี และมีมาพร้อมกับเครื่องอยู่แล้ว (แอปเหล่านี้อาจจะไม่ advance เท่า microsoft Office แต่เพียงพอสำหรับงานอย่างเราๆ)
ปล. ผมคิดว่า Keynote ที่ใช้แทน Powerpoint สวย และใช้งานง่ายมากๆ
6. ความสะดวกในการพกพา
อันนี้สำหรับ Laptop นะครับ Desktop ไม่เกี่ยว
Macbook มีแบตที่ใช้ได้นานพอสมควร และที่สำคัญ มี Trackpad ที่ใช้ได้สะดวกมากๆ
สมัยก่อน ใช้ Dell ผมจะงงๆ แล้วก็รู้สึกว่าทำไมคนใช้ Mac ต้องลำบากใช้ Trackpad เอาเมาส์มาต่อสิหมดเรื่อง

แต่พอได้ลองใช้ Trackpad ของ Macbook ดู พบว่าสะดวกมาก สามารถสั่งการได้อย่างคล่องแคล่ว นี่ทำให้เราคล่องตัว สามารถทำงานที่ไหนก็ได้อย่างแท้จริง เล่นวางบนตักทำงานบนรถ หรือ คาเฟ่ ใช้โต๊ะกระจก ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งการทำงานของเราได้ (ตอนใช้ Dell VOSTRO เครื่องเก่า ต้องมีโต๊ะทำงานเป็นกิจลักษณะ เพราะจำเป็นต้องใช้เมาส์ในการทำงาน และควรอยู่ใกล้ปลั๊ก เพื่อชาร์จแบตด้วยเพราะแบตไม่ได้ใหญ่มาก)
7. ราคาขายต่อ เมื่อหมดอายุใช้งาน
ข้อนี้อาจไม่ค่อยสำคัญนัก และหลายๆคนไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะใช้จนกว่าจะพัง หรือไม่เคยคิดจะขายอยู่แล้ว แต่ก็เหมือน ไอโฟน ไอแพด อุปกรณ์ของ Apple มีตลาดและราคามือถือรองรับดีเลยทีเดียว ขายต่อไม่ยากเท่า windows และได้ราคาค่อนข้างดีกว่าพอสมควรเลยครับ
ความแตกต่างของราคา Software Mac vs Windows
ถ้าใช้ Adobe ซึ่งมีราคาเท่ากันทั้ง Mac และ Windows ค่าใช้จ่ายก็จะต่างกันไม่มาก แต่ มาลองนึกดู ว่าถ้าเราต้องการประหยัดจริงๆ ผู้ใช้แมค จะประหยัดเงินได้มากกว่าเยอะเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่า หากเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ Adobe
Mac จะมีแอปอื่นให้เลือกใช้ ในราคาที่ถูกกว่ามากๆ
Windows 1 เครื่อง มีค่าซอฟแวร์ 19,386 บาท ปีต่อไปปีละ 8,976 บาท
Mac 1 เครื่อง มีค่าซอฟแวร์ 11,900 บาท ปีต่อไปไม่ต้องจ่ายอะไรเลย
Windows 6 เครื่อง มีค่าซอฟแวร์ 117,316 บาท ปีต่อไปปีละ 53,856 บาท
แต่ Mac 6 เครื่อง ก็ยังจ่ายค่าซอฟแวร์ต่างๆเพียง 11,900 เท่าเดิม
เป็นเงินแตกต่างกันถึง 100,000 บาทเลยทีเดียว แถม Windows ยังต้องจ่าย Adobe รายปีอีกต่างหาก
ปีที่สอง Mac ไม่มีค่าซอฟแวร์ใดๆที่ต้องจ่ายอีก
สรุป
เมื่อคำนึงถึงต้นทุนค่าซอฟแวร์ด้วย แมคมีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก และจะยิ่งเห็นผลต่างกันมากขึ้นหลายเท่า ถ้ามีผู้ใช้หลายคน ถ้าเราไม่จำเป็นต้องใช้ Adobe Creative Cloud เลือกแมคเถอะครับ
เพื่อนๆอ่านแล้วมีความคิดเห็น หรือคำแนะนำยังไง คอมเม้นต์ได้เลยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^^
เป็นบทความที่ดีมากๆ ครับ